เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนให้เหมาะกับความต้องการ

6 วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

ในปัจจุบันด้วยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่มาๆ หายๆ คาดเดาได้ยาก แถมบางวันยังมาแบบหนาตา เรียกว่ามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลายคนจึงคิดที่อยากจะซื้อเครื่องฟอกอากาศเอามาใช้ในบ้าน หรือ ในออฟฟิศ ดังนั้น การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งาน รวมถึงพื้นที่การใช้งาน และ ประเภทของมลพิษที่ต้องการกำจัด ดังนั้นในวันนี้เราจะมาให้คำแนะนำในการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับความต้องการของเรา ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

  1. ขนาดพื้นที่การใช้งาน
    ควรมีการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ของห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องตรวจสอบขนาดพื้นที่ (เช่น ตารางเมตร) ที่เครื่องสามารถรองรับ และ เปรียบเทียบกับขนาดของห้องที่คุณต้องการใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าการฟอกอากาศจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดโดยเราต้องรู้ขนาดห้องว่ามีขนาดกี่ตารางเมตร (กว้าง x ยาว) ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้องนอน ขนาดห้องนั่งเล่น ขนาดห้องในออฟฟิศ หรือ ขนาดของพื้นที่ที่คุณต้องการจะติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เมื่อรู้ขนาดห้องแล้ว หลักการเลือกง่ายๆ คือ เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ระบุสเปคครอบคลุมกับขนาดห้องของคุณ เช่น ห้องขนาด 24 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่ระบุว่าใช้สำหรับห้องขนาด 20-25 ตารางเมตร เป็นต้น

  2. ประเภทฟิลเตอร์
    ก่อนการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้นเราจำเป็นจะต้องเลือกฟิลเตอร์ให้เหมาะสม เช่น HEPA Filter (High Efficiency Particulate Air) จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ หรือ หอบหืด สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นละออง PM2.5 ละอองเกสร เชื้อรา และ สารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    หากเป็นฟิลเตอร์คาร์บอนจะสามารถใช้ในการกำจัดกลิ่น ควันบุหรี่ และ สารเคมีในอากาศ เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และ ฟิลเตอร์แบบไอออน (Ionizer) สามารถปล่อยไอออนลบเพื่อจับอนุภาคในอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองตกลงสู่พื้น เหมาะกับการกรองฝุ่นขนาดเล็กมากๆ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดโอโซนได้

  3. ความสามารถในการกรอง PM2.5
    โดยหากอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 เราควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นยังสามารถกรองไวรัสได้ ควรมองหามาตรฐานที่สมเหตุสมผล เช่น การทดสอบประสิทธิภาพการกรองอากาศที่ฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอน จากสถาบันวิจัยและผ่านมาตรฐานสากล อาทิ ASHRAE ... เป็นต้น

  4. ระดับเสียง
    หากต้องการใช้งานเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน หรือ ห้องทำงาน ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงไม่เกิน 60 เดซิเบล (Max) เพื่อไม่รบกวนการนอนหลับ หรือ การทำงาน ซึ่งเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมีโหมด Sleep เครื่องจะเดินพัดลมเบากว่าปกติก็จะสามารถลดเสียงลงได้

  5. ความสามารถพิเศษเพิ่มเติม
    นอกจากหน้าที่หลักๆ ในของเครื่องฟอกกรองอากาศแล้ว เครื่องฟอกอากาศบางยี่ห้อ ยังมีฟังก์ชันการทำงานอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย เช่น อาจจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับมลพิษ ซึ่งบางรุ่นมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับมลพิษในอากาศ และ ปรับระดับการทำงานของเครื่องฟอกอากาศอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน โดยบางเครื่องสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุม และตรวจสอบคุณภาพอากาศได้จากระยะไกล และ ฟังก์ชันความชื้น (Humidifier) โดยเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมีฟังก์ชันควบคุมความชื้นในอากาศ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อากาศแห้ง นั้นเอง

  6. งบประมาณ และ ค่าบำรุงรักษา
    ก่อนการตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้นควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนฟิลเตอร์เสมอ เพราะเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นอาจมีฟิลเตอร์ที่ต้องเปลี่ยนบ่อย หรือ มีราคาสูงซึ่งอาจจะแพงเกินกว่ากำลังของเรา โดยควรเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับงบประมาณ โดยพิจารณาทั้งต้นทุนการซื้อ และ ค่าบำรุงรักษาในระยะยาว เพื่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะเห็นว่าเมื่อพิจารณาตามปัจจัยเหล่านี้ คุณจะสามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ คุ้มค่า รับรองว่าคุณจะสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับห้อง และ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้แน่นอน อย่าละเลยการให้ความสำคัญกับสุขภาพ ลงทุนกับเครื่องฟอกอากาศในวันนี้เพื่อสุขภาพปอดที่ดีในวันหน้า

หากสนใจในเครื่องฟอกอากาศที่มีมาตรฐานนั้นเราขอแนะนำ JAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศ และโซลูชั่นการกรองอากาศ ซึ่งสามารถกรองมลพิษทางอากาศได้อย่างเต็มที่อีกทั้งยังช่วย การควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั้งบ้าน โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และแก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com