มาตรฐานอาคารเขียว เกี่ยวข้องอย่างไรกับระบบปรับอากาศ

อาคารเขียว และ ระบบบำบัดอากาศมีความสอดคล้องกันอย่างไร

เครื่องฟอกอากาศ และกรองอากาศ

ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมในการสร้างอาคาร และ วางระบบอาคารเพื่อลดปัญหาโลกร้อน โดยได้มีการจัดการโดยใช้มาตรฐานอาคารเขียว (Green Building Standards) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ ระบบปรับอากาศ เนื่องจากระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการพลังงาน และ สภาพแวดล้อมภายในอาคารอีกทั้งยังต้องมีการฟอกอากาศที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมาตรฐานอาคารเขียวเน้นการสร้างอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอย่างประหยัด และ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ดังนั้น การเลือก และ การออกแบบระบบปรับอากาศ
และ ระบบกรองอากาศจึงมีบทบาทสำคัญในมาตรฐานนี้

อาคารเขียวคืออะไร

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาคารเขียว (Green building) คืออะไร อาคารเขียว เป็นอาคารที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน สร้าง และ ดำเนินการ
โดยคำนึงถึง การใช้ทรัพยากร พลังงาน และ สภาพแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ชาญฉลาด มากที่สุด เริ่มต้นตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง
การก่อสร้าง จนถึงการใช้อาคาร เพื่อลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ต่อโลก จึงเกิดเป็นบ้านปลอดฝุ่น ลดการก่อมลภาวะเป็นพิษ ลดการใช้พลังงาน
ที่สิ้นเปลือง ลดการใช้น้ำที่ไม่จำเป็น และ สร้างสรรค์พื้นที่ ให้มีคุณภาพส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยดีเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง

 

ความเกี่ยวข้องระหว่างมาตรฐานอาคารเขียว กับระบบปรับอากาศในอาคาร

  1. การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
    โดยมาตรฐานอาคารเขียวเน้นการลดการใช้พลังงานจากระบบต่างๆ ในอาคาร รวมถึงระบบปรับอากาศ ซึ่งถือเป็นแหล่งที่ต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก การใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง จะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีฉลากประหยัดพลังงาน หรือ การนำระบบปรับอากาศแบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) มาใช้ในอาคารเพื่อให้สามารถควบคุมการใช้พลังงานตามพื้นที่ที่ต้องการปรับอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง

  2. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG)
    ในมาตรฐานอาคารเขียวนั้นจำเป็นจะต้องเป็นระบบปรับอากาศที่ประหยัดพลังงานเพื่อจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของมาตรฐานอาคารเขียว เช่น การใช้สารทำความเย็น (Refrigerants) ที่มี ค่า GWP (Global Warming Potential) ต่ำ เพื่อลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ที่เป็นปัญหาของโลก ณ.ขณะนี้ อีกทั้งถ้าเป็นระบบที่สามารถกรองอากาศได้ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพผู้ใช้งาน และช่วยในการประพลังงานของเครื่องปรับอากาศได้

  3. การสร้างคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality)
    ระบบปรับอากาศภายในอาคารที่ดีควรสามารถกรองฝุ่น และ มีการระบายอากาศที่มีคุณภาพสูงเพื่อลดมลพิษภายในอาคาร ซึ่งมีผลต่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ของผู้ใช้งาน มาตรฐานอาคารเขียวจึงกำหนดให้อาคารต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี และควบคุมคุณภาพอากาศภายในเพื่อลดการปนเปื้อนจากฝุ่น สารเคมี และ เชื้อโรคต่างๆนั้นเอง

  4. การควบคุมอุณหภูมิ และ ความชื้นอย่างมีประสิทธิภาพ
    การสร้างมาตรฐานอาคารเขียวนั้นเน้นให้ระบบปรับอากาศสามารถควบคุมอุณหภูมิ และ ความชื้นภายในอาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานโดยการลดความต้องการในการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย

  5. การบูรณาการกับระบบอื่นๆ
    ในการออกแบบอาคารเขียวจำเป็นจะต้องออกแบบระบบปรับอากาศที่สามารถบูรณาการเข้ากับระบบอื่นๆ เช่น ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ ระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบอาคารสีเขียว การบูรณาการนี้ช่วยลดความต้องการพลังงาน และ ใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนได้อย่างดี

  6. การใช้วัสดุ และ อุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    การเลือกใช้วัสดุ และ อุปกรณ์ในระบบปรับอากาศ หรือ ระบบฟอกอากาศนั้น ควรจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุที่มีความทนทาน และ สามารถรีไซเคิลได้ ฟิลเตอร์ที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม หรือ เครื่องปรับอากาศที่ใช้พลังงานน้อยลง ถือเป็นส่วนสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรฐานอาคารเขียว

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการใช้มาตรฐานอาคารเขียวมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับระบบปรับอากาศ บำบัดอากาศ เพราะระบบนี้เป็นตัวกำหนดการใช้พลังงาน การควบคุมอุณหภูมิ และ ความชื้นภายในอาคาร รวมถึงคุณภาพอากาศที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ของผู้ใช้งาน การออกแบบ และ เลือกใช้ระบบปรับอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาคารเขียวจะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี หากสนใจในระบบฟอกอากาศที่มีหลากหลาย และ มีประสิทธิภาพเราขอแนะนำ “JAF” Japan Air Filter ซึ่ง JAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่นระบบกรองอากาศทุกประเภท ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาที่เกี่ยวกับการกรองอากาศได้อย่างมีมาตรฐาน และตรงตามความต้องการ ซึ่งการกรองมลพิษทางอากาศได้อย่างเต็มที่ จะช่วยในการควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และ แก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีมากๆอีกด้วย

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com