มาตรฐานความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมที่โรงงานควรมี

4 มาตรฐานด้านความปลอดภัยและตัวกรองอากาศที่โรงงานควรคำนึงถึง

มาตรฐานความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม

ในการประกอบกิจการโรงงานนั้นมีหลากหลายด้านที่ต้องคำนึงถึงซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อพนักงานในโรงงาน และ ชุมชนโดยรอบได้หากละเลยโดยเฉพาะความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมที่พนักงาน และ เครื่องจักรต้องทำงานร่วมกันในทุกกระบวนการซึ่งสามารถเกิดของเสียต่างๆได้ตลอดเวลา และ อาจส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม หรือ พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่นั้นมีอันตรายต่อชีวิตได้หากไม่มีการป้องกันที่ดี ดังนั้นมาตรฐานความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมจึงมีความสำคัญมาก จุดประสงค์ก็เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยให้โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะปฏิบัติงานโดยเฉพาะพื้นที่ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยง เช่น มีสารเคมี ฝุ่นละออง แก๊สพิษ จึงต้องมีตัวกรองอากาศเพื่อช่วยให้มลภาวะรอบโรงงานนั้นลดลงวันนี้เราจึงจะบอกถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่โรงงานมีปฏิบัติมีอย่างไรบ้าง

มาตรฐานความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบควรรู้

  1. มาตรฐานด้านความร้อน
    โดยปกติแล้วความร้อนของโรงงานอุตสาหกรรม ควรมีมาตรฐานที่ชัดเจนโดยป้องกันไม่ให้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมมีความร้อนสะสมจนส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายของพนักงาน ควรมีอุณหภูมิไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส ในกรณีที่ความร้อนภายในโรงงานอุตสาหกรรมมีอุณหภูมิสูงจนทำให้พนักงานมีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 38 องศาเซลเซียสผู้ประกอบการต้องให้พนักงานหยุดพักชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของพนักงานในโรงงาน รักษาสภาพร่างกาย และ อุณหภูมิในร่างกายให้กลับคืนสู่สภาพปกติจึงจะสามารถกลับมาทำงานได้ และ ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิความร้อนสูง หรือ เป็นจุดต้นกำเนิดของความร้อนควรติดป้ายประกาศแจ้งเป็นจุดอันตรายมีความร้อนสูง หากพนักงานต้องเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวควรจัดเตรียมอุปกรณ์ความปลอดภัยพร้อมก่อนการปฎิบัติงาน

  2. มาตรฐานด้านแสงสว่าง
    แสงสว่างภายในโรงงานเองก็เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเพื่อให้เพียงพอต่อการทำงานเอาไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัย และ การทำงานอย่างราบรื่น ไม่เป็นอันตราย โดยพื้นที่โดยรอบ รวมถึงถนนของโรงงานอุตสาหกรรมนั้นควรอยู่ที่ระดับค่าความเข้มข้นของแสงมากกว่า 20 Lux อีกทั้งค่าความเข้มข้นของแสงมากกว่า 50 Lux สำหรับงานที่ไม่ต้องใช้ความละเอียดสูงในการดำเนินงาน เช่น การขนย้าย การบรรจุ การจัดเก็บสินค้า รวมไปถึงบริเวณต่างๆของโรงงานอุตสาหกรรมเช่น คลังสินค้า บันไดภายในโรงงานอุตสาหกรรม และ ค่าความเข้มข้นของแสงมากกว่า 100 Lux สำหรับงานที่ต้องใช้ความละเอียดเล็กน้อยในการดำเนินงาน เช่น การสีข้าว การผลิตและประกอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อย่างง่ายเป็นต้น ถ้างานที่ต้องใช้ความละเอียดมากๆแสงภายในโรงงานก็ต้องเพิ่มมากขึ้นตามไปนั้นเอง

  3. มาตรฐานเสียงของโรงงานอุตสาหกรรม
    เสียงภายในโรงงานอุตสาหกรรมเองก็สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานในโรงงานได้เช่นกันโดยพนักงานควรจะได้รับมีค่าเสียงที่ไม่เกิน 140 เดซิเบล อีกทั้งควรใส่ที่ครอบหูกันเสียงเพื่อป้องกันอันตรายจากเสียงหากทำงานในที่เสียงดัง และ ความดังเสียงในระหว่างการทำงานจะแบ่งตามจำนวนชั่วโมงการทำงานได้ดังนี้หากทำงาน 7 ชั่วโมงต่อวันค่าเสียงไม่ควรเกิน91 เดซิเบล หากทำงาน 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ระดับความดังของเสียงที่ได้รับติดต่อกันต้องมีค่าไม่เกิน 90 เดซิเบล และ หากทำงาน 8ชั่วโมงขึ้นไประดับความดังของเสียงที่ได้รับติดต่อกันต้องมีค่าไม่เกิน 80 เดซิเบลทั้งนี้ไม่ว่าจะในย่านเสียงเท่าไหร่ก็ควรใส่ที่ครอบหูป้องกันไว้ย่อมดีกว่า

  4. มาตรฐานด้านสารเคมี และ ฝุ่นต่างๆ
    กระบวนการผลิตในโรงงานนั้นย่อมมีสารเคมี และ อนุภาคต่างๆปะปนอยู่ในอากาศซึ่งต้องอยู่ในค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อความปลอดภัยในโรงงาน โดยมีการระบุปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีตามสภาพแวดล้อมของการปฏิบัติ เช่น อากาศภายในโรงงานอุตสาหกรรม, ระยะเวลาในการทำงาน, บริเวณที่ปฏิบัติงาน และ ปริมาณความเข้มข้นของฝุ่น และ แร่ที่มีการปนเปื้อนในอากาศ โดยปริมาณความเข้มข้นของสารเคมี และ ฝุ่น โดยจะต้องมีความเข้มข้นไม่เกินกว่าค่ามาตรฐานกำหนด และ ผู้ประกอบการก็ต้องจัดระบบกรองอากาศเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการฟอกอากาศก่อนที่จะหายใจเข้าไปนั้นเอง

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ถึงมาตรฐานของโรงงานอุตสาหกรรมที่ควรปฎิบติตามเนื่องจากเป็นกฎระเบียบที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยของพนักงานในการปฏิบัติงาน นอกจากนั้นควรมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็น ถุงมือกันความร้อน, รองเท้าเซฟตี้, เอี๊ยมป้องกันความร้อน, แว่นตานิรภัย, ที่อุดหู, ที่ครอบหูกันเสียง และ ระบบเครื่องฟอกอากาศ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่พนักงานให้มีประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น หากสนใจในระบบกรองอากาศในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเราขอแนะนำ JAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่นระบบกรองอากาศ การควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และ แก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com