การเลือกใช้แผ่นกรองอากาศ และ ประสิทธิภาพการกรอง เพื่อกำจัดฝุ่น pm2.5

แนะนำแผ่นกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี

แนะนำแผ่นกรองอากาศ

 

สภาพอากาศในปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป มลภาวะในอากาศ และ โรคภัยต่างๆที่มีมากขึ้น จึงเกิดให้มีปัญหาสภาพฝุ่นที่เป็นปัญหาเรื้อรังด้านมลพิษทางอากาศที่จะเวียนมาให้พบปะเป็นประจำทุกปี นั่นก็เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝุ่นนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไอเสียจากการจราจร และ อุตสาหกรรม การเผาวัสดุทางการเกษตร รวมถึงฝุ่นควันที่พัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ในช่วงที่สภาพอากาศนิ่ง ลมสงบ หรือ ช่วงฤดูหนาว ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศจึงสูงขึ้นมากจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ​เราจึงต้องหาวิธีการแก้ปัญหาโดยการใช้เครื่องฟอกอากาศต่างๆซึ่งในตลาดนั้นมีมากมายให้เลือกใช้หลากหลายรุ่น และ แบรนด์ โดยแต่ละรุ่นนั้นก็มีความสามารถแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถของแผ่นกรองอากาศ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกแผ่นกรองอากาศ และ ประสิทธิภาพของการกรองว่าเป็นอย่างไร

เครื่องปรับอากาศสามารถฟอกอากาศได้หรือไม่

โดยปกติแล้วหากเราอยู่ในห้อง หรือ อาคารนั้นย่อมมีรูโหว่ที่อากาศสามารถรอดผ่านได้อยู่จึงทำให้มลพิษภายนอกผ่านเข้ามา แล้วก็มีโอกาสเกิดการสะสมของมลพิษอื่นๆ ที่เกิดจากในอาคารเองมากขึ้นด้วย หากไม่มีการระบายอากาศที่ดี เช่น CO2 ที่มาจากการหายใจของมนุษย์ หรือ แม้แต่สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ที่อาจปลดปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน น้ำหอม เฟอร์นิเจอร์ หรือ วัสดุอาคาร มลพิษเหล่านี้หากสะสมจนสูงเกินมาตรฐานก็ส่งผลต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัยได้อีกเช่นกัน​ เครื่องปรับอากาศภายในอาคารนั้นไม่สามารถกรองฝุ่น pm2.5 ได้เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเหล่านี้มีแผ่นกรองอากาศที่ไม่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้จึงต้องเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีการใช้แผ่นกรอง (Filter) เพื่อกรองไม่ให้ PM2.5 เข้ามาในอาคารด้วย ​

การเลือกแผ่นกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่น PM2.5

หากเป็นการเลือกแผ่นกรองอากาศนั้นซึ่งมีหลากหลายชนิดในท้องตลาดขึ้นอยู่กับตามความต้องการว่าจะกรองมลพิษชนิดใด ซึ่งแผ่นกรองอากาศก็มีมาตรฐานแตกต่างกันไปตามคุณลักษณะ และประสิทธิภาพการกรองต่อขนาดของฝุ่น โดยบางผู้ผลิตก็อ้างอิงตามมาตรฐาน ASHRAE 52.2-1999 โดย ASHRAE เป็นสมาคมด้านวิศวกรรมปรับอากาศ และ ทำความเย็นของสหรัฐอเมริกา จะแบ่งระดับการกรองเป็น MERV1-16 ซึ่งเป็นระดับชั้นการกรองที่ความสามารถแตกต่างกัน แต่ในวันนี้เราจะมายกตัวอย่างแผ่นกรองกาศที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันกันโดยมีดังนี้

  • แผ่นกรองอากาศ HEPA

    แผ่นกรองอากาศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ แผ่นกรองอากาศ HEPA ที่ทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อยู่ในอากาศ โดยตัวกรองจะสามารถกรองฝุ่นออกจากอากาศ หรือ ดักจับฝุ่นที่ขนาดเล็กได้มากขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับรุ่นของตัวกรองที่เลือกใช้ แต่โดยมาตรฐานแล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA จะสามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนได้ตามมาตรฐานของกระทรวงพลังงานของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าฉลากของเครื่องกรองอากาศนั้นระบุว่าใช้ แผ่นกรองอากาศ HEPA ก็สามารถไว้วางใจได้ว่าจะสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ อันที่จริงแล้ว แผ่นกรองอากาศ HEPA มีรุ่นต่าง ๆ อีกมากมายตามความสามารถในการกรอง ถ้ายึดมาตรฐานของยุโรปแล้วสามารถแบ่ง แผ่นกรองอากาศ HEPA และ ULPA ได้อีก 8 คลาสย่อยตามประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นในแต่ละรุ่นดังนี้

    1. E10 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 85% และ มีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 15%

    2. E11 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 95% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 5%

    3. E12 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 99.5% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 0.5%

    4. H13 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 99.95% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 0.05%

    5. H14 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 99.995% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 0.005%

    6. U15 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 99.9995% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 0.0005%

    7. U16 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 99.99995% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 0.00005%

    8. U17 มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาค 99.99995% และมีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็กจะทะลุผ่าน 0.00005%

  • แผ่นกรองอากาศ Carbon

    แผ่นกรองอากาศแบบ Carbon นั้นมีความแตกต่างจากแผ่นกรองอากาศ HEPA ซึ่งถึงแม้ HEPA จะสามารถกรองอนุภาคได้เล็กขนาดไหน แต่ก็ยังไม่สามารถกรองแก๊ส กลิ่น หรือ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds) ได้ซึ่ง Carbon Filter นี้สามารถทำหน้าที่ในส่วนที่ขาดหายนี้ได้


    จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าถ้าหากเป็นแผ่นกรองอากาศที่เหมาะสมที่จะกรองฝุ่น PM2.5 ได้ดีที่สุดก็ต้องเป็นแผ่นกรอง HEPA ที่มีให้เลือก หลายเกรดก็จะมีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นต่างกัน และ มีราคาที่ต่างกัน ก่อนจะเลือกซื้อแผ่นกรองอากาศ ต้องดูรายละเอียดให้ดี เพื่อใช้งานเครื่องกรองอากาศให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยเกรด E10-E12 จะเหมาะกับการใช้งานทั่วไป เพราะมีราคาถูก ส่วนเกรด H13 ขึ้นไปจะอยู่ในกลุ่มจำพวกที่ต้องการกรองฝุ่น หรือ เชื้อโรคที่มีความละเอียดสูง เช่น โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบัน ด้วยสถานการณ์โรคต่างๆ และ PM 2.5 ที่รุนแรงขึ้นก็นำตัวกรองประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ไปใช้ในภาคครัวเรือนมากขึ้น เพื่อดักจับเชื้อโรค และ ฝุ่นให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหากสนใจในแผ่นกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพเราขอแนะนำJAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่นระบบกรองอากาศทุกประเภท ซึ่งสามารถกรองมลพิษทางอากาศได้อย่างเต็มที่อีกทั้งยังช่วย การควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และ แก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย

 

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com